Thursday, July 23, 2009

บทนำ

จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน
มัทธิว 7:7

เมื่อไม่นานมานี้ พี่น้องคริสเตียนคนไทยคนหนึ่งเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าได้ไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแห่งหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นได้อธิษฐานขอบางอย่างไว้ โดยกล่าวไว้ด้วยว่าหากพระเจ้าตอบคำอธิษฐาน จะไปเลี้ยงอาหารเด็กๆ ที่นั่น และต่อมาเมื่อได้สิ่งที่อธิษฐานขอไว้ จึงไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแห่งนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการทำเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นไปตามที่ปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ การอธิษฐานลักษณะนี้ศจ. จักรพันธ์ ชูเกียรติวงศ์กุล เรียกว่า “การอธิษฐานต่อรอง” และกล่าวว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำ
ในรายงานฉบับนี้ ข้าพเจ้าสนับสนุนว่า “การอธิษฐานต่อรอง” เป็นสิ่งไม่ควรทำ และเสนอว่าเมื่อเราอธิษฐานขอสิ่งต่างๆ จากพระเจ้านั้น ไม่ใช่เป็นการบนบานศาลกล่าว เราจึงไม่ควรสัญญาว่าเมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐานแล้วเราจะทำอะไรเป็นการตอบแทน สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้แบ่งออกเป็น 4 บท กล่าวคือ การบนบานศาลกล่าวและการแก้บนในสังคมไทย การอธิษฐานในคริสตศาสนา บทอภิปราย และบทสรุป ในบทแรก ข้าพเจ้าอภิปรายเกี่ยวกับการบนบานศาลกล่าวและการแก้บนอย่างที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมไทย ในบทที่ 2 ข้าพเจ้าศึกษาถึงการอธิษฐานขอสิ่งต่างๆ ตามที่ปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ในบทที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวถึงสาเหตุต่างๆ ที่การอธิษฐานในคริสตศาสนาแตกต่างจากการอธิษฐานในพุทธศาสนาและไม่ใช่การบนบานศาลกล่าวอย่างที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมไทย และในบทสุดท้าย ข้าพเจ้าสรุปว่าการอธิษฐานไม่ใช่การบนบานศาลกล่าว

No comments: