Thursday, July 23, 2009

บทสรุป

การเปรียบเทียบในด้านต่างๆ ระหว่างการบนบานศาลกล่าว การอธิษฐานในพุทธศาสนา และการอธิษฐานในคริสตศาสนาในบทที่ 4 น่าจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการอธิษฐานกับพระเจ้าในนามพระเยซูคริสต์นั้นไม่ใช่การบนบานศาลกล่าว และเมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐาน จึงไม่ต้องมีการแก้บน มีข้อสังเกตว่าคำอธิษฐานในลูกา 11: 4 ที่ว่า “ขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยว่าข้าพระองค์ยกความผิดของทุกคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น ...” ดูจะมีเงื่อนไขว่าผู้อธิษฐานต้อง “ยกความผิดของทุกคนที่ทำผิดต่อ” ผู้อธิษฐานเองก่อนจึงจะได้รับตามคำอธิษฐานนี้ เนื่องจากผู้อธิษฐานระบุไว้ชัดเจนเลยว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนทำแล้ว สิ่งสำคัญคือเงื่อนไขนี้จะต้องมีการปฏิบัติก่อนที่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน ซึ่งตรงข้ามกับการแก้บนซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ได้ “ให้” ตามคำบนบานศาลกล่าวแล้ว
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอเสนอว่าเมื่อจะประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์กับคนไทยพุทธนั้น เราอาจถามเขาว่าเคยบนบานศาลกล่าวไหม ต้องแก้บนอย่างไรบ้าง และถือว่าสิ่งนี้แสดงว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” หรือไม่ แล้วจึงเล่าต่อไปว่าการพึ่งพาพระเจ้า ผู้ประทานสิ่งต่างๆ ให้เรามาตลอดทำได้โดยที่เราไม่ต้องบนบานศาลกล่าว และสิ่งสำคัญที่สุดที่พระเจ้าทรงพร้อมจะประทานคือความรอดจากความพินาศในนรกบึงไฟ เราไม่ต้องบนบานศาลกล่าวเพื่อสิ่งนี้ เพียงแต่ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตของเราเท่านั้น

No comments: